วันเสาร์ที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2555

Social media กับ Traditional media



Traditional Media คือ สื่อที่กำเนิดมาตั้งแต่อดีต ซึ่งปัจจุบันก็ไม่ได้หายไปไหนอย่างที่ลูกปลาบอกและอ.เม สอน สื่อพวกนี้ เช่น วิทยุ โทรทัศน์ ซึ่งสื่อต่างๆพวกนี้มีข้อจำกัดในการรับนั่นก็คือ ถ้าไม่มีเครื่องรับ-ส่งก็จะไม่สามารถรับชม รับฟังได้ รวมถึงข้อจำกัดด้านเวลา ถ้าไม่ได้ดูเวลานั้นก็จะไม่ได้ดู รวมทั้งคลื่นสัญาณด้วย แต่ก็ถือว่าเป็นการสื่อสารสองทาง เพราะ อย่างวิทยุก็มีการphone-inเข้าไปในรายการ รวมไปถึงทีวีก็ยังมีการให้ส่งsms เข้าไปแสดงความคิดเห็น




















ส่วนSocial Media คือ สื่อสมัยใหม่ที่เพิ่งเกิดขึ้นมาไม่นานนี้ จัดว่าเป็นสื่อชนิดใหม่บนเทคโนโลยีออนไลน์ หรือ ในอินเตอร์เน็ตนั่นเองที่เรียกว่าเทคโนโลยี Web 2.0 
เช่น blog vdoblog เว็บบอร์ด วิกิพีเดีย ต่างๆ อีกทั้งพฤติกรรมการใช้อินเตอร์เน็ตของผู้ใช้แตกต่างไปจากเดิมนั่นก็คือ เน้นการรุกมากกว่าการรับฟังหรืออ่านอย่างเดียวเหมือนในอดีต นั่นก็คือคนเลืกที่จะแสดงความคิดเห็นของตนไปให้ผู้อื่นร่วมรับรู้ เช่น การforward mail การcommentกระทู้ต่างๆ การร่วมกันเขียนวิกกี้พีเดีย เป็นต้น การร่วมกันแสดงคคห ทำให้เกิดการแลกเปลื่ยนความรู้กัน ซึ่งทำให้สังคมอินเตอร์เน็ตกลายเป็น "สังคมแห่งการเรียนรู้"อย่างแท้จริง ซึ่งการเป็นสังคมแห่งการเรียนรู้นี้เป็นจุดมุ่งหมายของการตั้งเป็น web2.0นั่นเอง อีกทั้งองค์การธุรกิจต่างๆ ได้เล็งเห็นประโยชน์อันมหาศาลของweb2.0ที่ทุกอย่างฟรีหรือ เสียค่าใช้จ่ายน้อยและเข้าถึงเป้าหมายเฉพาะของเรา ดังนั้นจึงเกิดการซื้อโฆษณาในอินเตอร์เน็ต รวมถึงการสร้างเรื่องราวของตนเองไว้ในblog เพื่อให้สินค้าของตนเองขายได้ เช่น บริษัทเกมบริษัทเซต้า ได้สร้างบล็อคขึ้นมารวมทั้งแต่งเรื่องสมมติขึ้นมาว่า ชายที่เป็นเจ้าของบล็อคนี้ได้เล่นเกม แล้วเกิดเป็นบ้า อาละวาดขึ้นมา รวมทั้งมีการถ่ายวีดีโอตอนอาละวาดไว้ด้วย พอทำไปสักพักคนก็เข้ามาดูแล้วก็ไปซื้อเกมมาเล่นบ้างเพื่อพิสูจน์ว่าเล่นแล้วบ้าจริงเปล่า ดังนั้นยอดขายของเกมก็เพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมากเพราะคนเลือกที่จะเชื่อประสบการณ์จริงของคนมากกว่าเชื่อสิ่งที่สื่อนำเสนอ(ซึ่งมักจะบอกความจริงแค่ครึ่งเดียว) เซต้านอกจากจะได้ยอดขายของเกมที่เพิ่มขึ้นแล้ว ยังไม่ต้องจ่ายเงินค่าโฆษณาอีกด้วย จะเห็นได้ว่าอินเตอร์เน็ตเป็นขุมทรัพย์อันมหาศาลถ้ารู้จักใช้ให้เป็น

อีกทั้งข้อดีของSocial Media คือ ความสามารถในการเข้าถึงสื่อนี้ ทำได้อย่างสะดวก รวดเร็ว สามารถเชื่อมโลก และย่อโลกให้เล็กลงด้วยเครือข่ายอินเตอร์เน็ต รวมถึงในโลกอินเตอร์เน็ตนั้นเป็นโลกแบบ "real time" อย่างแท้จริงนั่นเอง



เมื่อพูดถึง “Social Media" คำนี้เริ่มเป็นที่แพร่หลายตั้งแต่ปี 2004 ใช้นิยามเครื่องมือออนไลน์ หรือแอพพลิเคชั่นที่สามารถแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและประสบการณ์ส่วนตัวของผู้ใช้ได้ ไม่ว่าจะเป็นข้อความ รูปภาพ เสียง และวิดีโอ ต่างเป็น Social Media ทั้งนั้น รูปแบบของสื่อบนอินเทอร์เน็ตที่เป็น Social Media ซึ่งหลายคนคุ้นเคยกันดี ได้แก่ บล็อก เว็บบอร์ด พ็อดคาสต์ วิกิพีเดีย และวิดีโอบล็อก

ในยุคนี้ ยุคที่เครือข่ายอินเทอร์เน็ตสามารถครอบคลุมพื้นที่ใช้งานและมีความเร็วเพิ่มขึ้น ทำให้สื่อบนอินเทอร์เน็ตได้การตอบรับอย่างกว้างขวางและมีรูปแบบ Social Media ใหม่ๆ ออกมาให้เห็นอย่างต่อเนื่อง เช่น แอพพลิเคชั่นที่เชื่อมโยงบริการอัพโหลดรูปภาพหรือคลิปวิดีโอขึ้นเว็บผ่านมือถือ เป็นต้น


ยิ่งไปกว่านั้น ศักยภาพของอินเทอร์เน็ตที่สามารถเข้าถึงผู้บริโภคได้ตั้งแต่ระดับบน จนถึงระดับล่าง ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในหลายรูปแบบ ทั้งพฤติกรรมการทำงาน รูปแบบสื่อโฆษณาที่เปลี่ยนรูปโฉมไป อาชญากรหน้าใหม่ พิษภัยจากการล่อลวง รวมไปถึงการกว้านซื้อธุรกิจของเหล่าเว็บยักษ์ใหญ่อย่าง Google และ Yahoo! เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับบริการของตัวเอง



ในปัจจุบัน Social Media เริ่มได้รับความสนใจจากบริษับต่างๆที่หันมาลงโฆษณาทางอินเตอร์เน็ตมากยิ่งขึ้น เพราะหากว่าเราสามารถรู้ช่องทางในการเข้าถึงผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายของเราได้ เราสามารถที่จะทำการโฆษณาได้ฟรีๆ โดยที่ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย ซึ่งแตกต่างจากสื่อโฆษณาแบบเก่าที่เสียค่าใช้จ่ายในการซื้อโฆษณาแต่ละครั้งเป็นเงินจำนวนมาก 

และในอนาคตสื่อแบบ Social Media จะได้รับความสนในจากคนรุ่นใหม่มากขึ้นยิ่งหกว่าในปัจจุบัน ทำให้ถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องจับตามอง และใช้ประโยชน์จาก Social Media ให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อองค์กรของเรา






ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น